ประวัติสงครามครูเสด (Crusade War)




ประวัติสงครามครูเสด (Crusade War) ถือเป็น สงครามศาสนา อันช้านาน ระหว่างกลุ่มประเทศที่นับถือคริสต์ศาสนา กับประเทศกลุ่มที่นับถืออิสลาม

เริ่มขึ้นและจบลงในสมัยที่ชาวยุโรปเรียกกันว่ายุคกลาง อันเป็นยุคที่คริสต์ศาสนามีบทบาทกับชีวิต การดำรงอยู่และวัฒนธรรมของเชื้อชาติในยุโรปเกือบทุก ๆ ชาติ ที่ในตอนนั้นมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 80 สัญชาติ และมีรัฐเล็กรัฐน้อยอยู่ไม่ต่ำกว่า 100 รัฐ สงครามเกิดขึ้น 9 ครั้งด้วยกันในช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึง 13 กินเวลา 200 ปี

ครั้งที่ 1 ระหว่างปี ค.ศ. 1095 - 1101 (6ปี)
ครั้งที่ 2 ระหว่างปี ค.ศ. 1147 - 1149 (2ปี)
ครั้งที่ 3 ระหว่างปี ค.ศ. 1188 - 1192 (4ปี)
ครั้งที่ 4 ระหว่างปี ค.ศ. 1201 - 1204 (3ปี)
ครั้งที่ 5 ระหว่างปี ค.ศ. 1217 - 1221 (4ปี)
ครั้งที่ 6 ระหว่างปี ค.ศ. 1228 - 1229 (1ปี)
ครั้งที่ 7 ระหว่างปี ค.ศ. 1248 - 1254 (6ปี)
ครั้งที่ 8 ระหว่างปี ค.ศ. 1270 (1ปี)
ครั้งที่ 9 ระหว่างปี ค.ศ. 1271 - 1272 (1ปี)

ต้นเหตุเนื่องมาจาก
    ทั้งชาวคริสต์ ชาวยิว และชาวมุสลิม ต่างนับถือบัยตุลมักดิศ หรือ พิหารแห่งเมืองเยรูซาเลม เป็นศาสนสถานสำคัญแต่ช่วงนั้นเยรูซาเล็มตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวมุสลิม แม้ทุกฝ่ายจะได้รับอิสรภาพให้ไปแสวงบุญยังศาสนสถาน แต่ความเชื่อพื้นฐานและวิถีปฏิบัติในการบูชาที่ต่างกัน ก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกันเนือง ๆ นักบวชชาวคริสต์จึงเริ่มรณรงค์ให้รัฐต่าง ๆ ในยุโรปต้านชาวมุสลิม เมื่อการรณรงค์โดยใช้สัญลักษณ์กางเขนเป็นเครื่องหมายประสบความสำเร็จ กระแสการสู้รบก็เริ่มต้นขึ้น พระสันตะปาปาเกรกอรี่ที่ 7 แห่งกรุงโรม รวบรวมกองทัพชาวคริสต์ 50,000 คน เดินทางไปยังนครเยรูซาเลมในปี 1095 ถือเป็นจุดเริ่มแรกของสงครามครูเสด หรือนัยหนึ่งการสู้รบระหว่างจันทร์เสี้ยวกับไม้กางเขน


ชาวคริสต์ใช้ไม่กางเขนเป็นสัญลักษณ์แขวนไว้ที่คอหรือเป็นสัญลักษณ์ ส่วนชาวมุสลิมใช้เครื่องหมายจันทร์เสี้ยว อันมีที่มาจากปฏิทินอิสลาม อันเป็นปฏิทินทางจันทรคติที่อาศัยการโคจรของดวงจันทร์เป็นตัวกำหนดเดือน ดวงจันทร์แรกที่ถือเป็นจุดเริ่มของเดือนเรียกว่าจันทร์เสี้ยว หรือ ฮิลาล นั่นเอง
ปฏิบัติการสงครามครั้งแรกยังไม่ได้รับความสนับสนุนจากอาณาจักรโรมันตะวันออกที่มีนครคอนสแตนติโนเปิ้ลเป็นราชธานี จึงไม่ประสบความสำเร็จ และการสู้รบครั้งที่ 2 จนถึงครั้งที่ 9 ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน เพราะล้วนแต่ขาดเอกภาพในการนำระหว่างทหารชาวยุโรปจากหลาย ๆ อาณาจักร ทั้งฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน อิตาลีสลาฟ และสเปน ทำให้ไม่สามารถโจมตี และยึดกรุงเยรูซาเลมได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน และทุก ๆ ครั้งเมื่อไม่มีการส่งกำลังบำรุงที่เพียงพอ กองทัพครูเสดของชาวยุโรปก็ถอยทัพกลับ
ในที่สุดชาวยุโรปก็ล้มเลิกความพยายามที่จะรบกับกองทัพมุสลิมในเอสเชียไมเนอร์ และแอฟริกาเหนืออีก เมื่อเสร็จการสู้รบครั้งที่ 9

ผลทางราชการเมืองของสงครามครูเสดที่เกิดขึ้นแก่ยุโรปนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่ง ที่ผลักดันวิวัฒนาการของสังคมให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคใหม่ ดังพอประมวลได้ดังนี้
 
  1. เพื่อจะหารายได้มาเป็นรายจ่ายในการสู้รบ เจ้าศักดินา (Feudal Lord) ในยุโรปยุคกลาง โดยเฉพาะในฝรั่งเศส และอิตาลี จำเป็นต้องขายทรัพย์สินไปเป็นจำนวนไม่น้อย เป็นผลต่อเนื่องทำให้โครงสร้างระบบสังคมศักดา (Feudalism)ต้องล่มสลายลง
  2. กษัตริย์อังกฤษเข้าร่วมสงครามด้วยตนเองแทนที่จะเป็นเรื่องของ Feudal Lord เท่านั้น อำนาจและอิทธิพลของกษัตริย์จึงได้รับผลสะเทือนโดยตรง ก่อให้เกิดการวางระเบียบและกฎระเบียบในการบริหารประเทศมากขึ้น เป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการปฏิวัติประชาธิปไตยของชนชั้นกลางในเวลาต่อมา
  3. ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างตะวันตกกับตะวันออกเกิดขึ้นส่งผลให้ยุโรปเจริญทางเศรษฐกิจยิ่งขึ้นหลังล่วงพ้นยุคการสู้รบ
  4. เกิดการเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและศิลปวิทยาการทุกแขนง
ระหว่างตะวันตกกับตะวันออก
  5. เกิดความพยายามทำความเข้าใจกันระหว่างคริสต์ศาสนาและอิสลามมากขึ้น

เครดิต/แหล่งที่มา :
ภาพจาก : อินเตอร์เน็ต

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น